ศาลาโบราณสถานวัดคูเต่า ต.แม่ทอม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา
ได้รับรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2011
จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
ข้อมูลวัดคูเต่า
ที่ตั้งและการเดินทาง
วัด คูเต่า ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ๙๐๑๑๐
อยู่ห่างจากเทศบาลนครหาดใหญ่ไปทางทิศเหนือประมาณ ๑๒ กิโลเมตรประวัติความเป็นมา
จากประวัติศาสตร์บอกเล่าว่าวัดคูเต่าตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๙
มีเนื้อที่ตั้งวัด ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๑๓ ตารางวา ตามเอกสาร น.ส. ๓ ก เลขที่
๑๖๙๑ มีที่ธรณีสงฆ์ ๑ แปลง เนื้อที่ ๑๖ ไร่ ๓ งาน ๔๗ ตารางวา ตามเอกสาร
น.ส.๓ เลขที่ ๑๕๙๖ เดิมอยู่ที่บ้านหนองหิน ตำบลแม่ทอม
ซึ่งปัจจุบันยังมีป่าช้าหนองหินเหลือเป็นหลักฐานอยู่ เนื่องจากรอบๆ
บริเวณที่ตั้งวัดเดิมเป็นที่ลุ่ม
และเป็นที่อาศัยของเต่าเป็นจำนวนมากชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “วัดสระเต่า”
ต่อ มามีชาวจีนเข้ามาทำมาหากินบริเวณสองฟากของคลองอู่ตะเภามากขึ้น จนบริเวณริมน้ำเกิดเป็นหมู่บ้านขึ้น ประกอบกับที่ตั้งวัดเดิมทางสัญจรไม่สะดวกจึงได้ย้ายวัดมาตั้งในที่ปัจจุบัน นี้ เหตุที่เรียกว่าวัดคูเต่านั้น เล่ากันว่าเนื่องจากมีชาวจีนเข้ามาตั้งบ้านทำมาหากินกันมาก ได้ถางป่า ขุดตอ ทำสวนส้มจุกกันมาก ป่าไม้ค่อยๆ หมดไปเรื่อยๆ จนไม่มีไม้จะใช้สอยโดยด้านทิศตะวันตกของวัดคือบริเวณหมู่บ้านหนองหินมี ป่าไม้เสม็ดมาก
ชาวบ้านจึงร่วมกันขุดคูขึ้นทางทิศเหนือของวัดที่ เชื่อมติดกับลำคลองและขุดยาวไปทางทิศตะวันตก พอให้เรือเล็กแล่นผ่านไปมาได้ในฤดูฝน ซึ่งบริเวณคูมักมีเต่ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากชาวบ้านจึงเรียก “คูเต่า” และเรียกวัดสระเต่าเดิมเป็นว่า “วัดคูเต่า” แทนวัดคูเต่าได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๑๙ เมตรยาว ๓๒ เมตรผูกพัทธสีมาประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๔
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของวัดคูเต่า
พระอุโบสถ นับเป็นศาสนสถานที่มีคุณค่าทางศิลปะอย่างยิ่งของวัดนี้ตามประวัติที่กล่าวมาแล้วว่า
พระ อธิการแก้ว เป็นผู้เริ่มสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๐เริ่มสร้างได้สูงเพียงประมาณ ๑ เมตรต่อมาพระอธิการหนูได้สร้างต่อจนเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ เจดีย์ทั้ง ๔ มุมกำแพง กว้างและยาว องค์ละ ๒ เมตร สูง ๗ เมตร มีซุ้มประตู ๓ ประตูซุ้มประตูก่ออิฐถือปูนขาว ยอดเป็นจัตุรมุขแกะลายกนกและซุ้มสีมาลายกนก
พระอุโบสถ นับเป็นศาสนสถานที่มีคุณค่าทางศิลปะอย่างยิ่งของวัดนี้ตามประวัติที่กล่าวมาแล้วว่า
พระ อธิการแก้ว เป็นผู้เริ่มสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๐เริ่มสร้างได้สูงเพียงประมาณ ๑ เมตรต่อมาพระอธิการหนูได้สร้างต่อจนเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ เจดีย์ทั้ง ๔ มุมกำแพง กว้างและยาว องค์ละ ๒ เมตร สูง ๗ เมตร มีซุ้มประตู ๓ ประตูซุ้มประตูก่ออิฐถือปูนขาว ยอดเป็นจัตุรมุขแกะลายกนกและซุ้มสีมาลายกนก
หน้าบัน เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และพระพรหมทรงหงส์
มีลายกนกและรูปสัตว์ประกอบนอกจากอุโบสถยังมีซุ้มนิมิต (ซุ้มครอบใบพัทธสีมา)
มีกำแพงแก้วล้อมรอบทั้ง ๔
ด้านศิลปกรรมนับแต่บริเวณกำแพงแก้วเข้าไปจนถึงในอุโบสถ
มีคุณค่าทางศิลปะ พื้นบ้านของภาคใต้ในช่วงรัชกาลที่ ๕ – ๖ อย่างดียิ่งมีพร้อมทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและจิตรกรรมฝาผนังล้วนเป็นฝีมือช่างพื้นเมืองและมีวัฒนธรรมจีน ประสมประสานอยู่อย่างเห็นชัด สะท้อนถึงคตินิยมและเทคนิควิธีของช่างพื้นเมืองที่หาดูได้ยากจากแหล่งอื่นๆ
มีคุณค่าทางศิลปะ พื้นบ้านของภาคใต้ในช่วงรัชกาลที่ ๕ – ๖ อย่างดียิ่งมีพร้อมทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและจิตรกรรมฝาผนังล้วนเป็นฝีมือช่างพื้นเมืองและมีวัฒนธรรมจีน ประสมประสานอยู่อย่างเห็นชัด สะท้อนถึงคตินิยมและเทคนิควิธีของช่างพื้นเมืองที่หาดูได้ยากจากแหล่งอื่นๆ
ต้นจามจุรี อายุกว่า๑๐๐ ปี |
สะพานแขวนเชื่อมระหว่างวัดคูเต่ากับ สภ.คูเต่า ทราบมาว่ามีอายุนับ 100 ปี สร้างรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสสงขลา
อ่านบทความจาก อ.คุณาพร ไชยโรจน์
ชมจิตรกรรมไทยชุดมหาชาติ ที่วัดคูเต่า
ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา