1/6/60

❤️ 1 เดียวในสงขลา มินิบัส ดี๊ดี นครศรีฯ-หาดใหญ่

คนนครศรีดี๊ดีจะมาสงขลามหาสนุก หรือ คนสงขลามหาสนุกจะไปนครศรีดี๊ดี 
ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าในราคาเดิม

 

มินิบัส ดี๊ดี นครศรีฯ-หาดใหญ่ Wifi ฟรี มีที่ชาร์จ เพลินด้วยหนัง
พลิกรูปแบบการเดินทางแบบเดิมๆด้วย "มินิบัสนครสงขลาขนส่ง"





คุมความเร็วด้วย GPS มีwifi และ usb ชาร์จ ทุกที่นั่ง เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ 
ระหว่างการเดินทาง ด้วยราคาเดิม 140 บาท โชเฟอร์เป็นมิตร พร้อมดูแลคุณตลอดเส้นทาง



หาดใหญ่ สงขลา(ผ่านเกาะยอ ชมความงาม2ข้างทางสะพานติณสูลานนท์) 
ระโนด หัวไทร นครศรีธรรมราช
 
วันธรรมดา 
ออกจากนครศรีธรรมราช 04.30 น.
ออกจากหาดใหญ่ 12.15 น.

เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ออกจากนครศรีธรรมราช 10.00 น.
ออกจากหาดใหญ่ 16.00 น.





สอบถามเวลากันได้ที่เบอร์ โชเฟอร์ 
095-031-9467
















 

28/4/60

วัดดีหลวง

วัดดีหลวง เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา

สร้างในสมัยอยุธยา เป็นหนึ่งในวัดสำคัญบนคาบสมุทรสทิงพระที่ขึ้นกับวัดพะโคะ นอกจากนั้นยังเป็นวัดที่หลวงพ่อวัดช้างให้เคยบวชเป็นสามเณร เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ในแผนที่ภาพกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง เรียกชื่อวัดนี้วา วัดดีหลวง ขึ้นกับวัดพะโคะ หลักฐานเอกสารเก่าบางฉบับก็เรียกว่า วัดกุฎีหลวงหรือวัดหลวง แต่คนเฒ่าคนแก่เรียกวัดเจดีย์หลวง เพราะสมัยก่อนมีเจดีย์ห้ายอดขนาดใหญ่อยู่หน้าโบสถ์ หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ จ.ปัตตานี หรือสมเด็จเจ้าพะโคะ เคยบวชเรียนอยู่ที่นี่

วัดดีหลวง  เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา สมภารเจ้าวัดองค์แรกมีนามว่า
"สมภารจวง"  ซึ่งเป็นหลวงลุงขององค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด  จึงถือเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อประวัติองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด เป็นอย่างมากในภาคปฐมวัย


เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์

 เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ วัดดีหลวง

เป็นเจดีย์สามยอดที่หลวงพ่อแก้ว พุทธมุณี  ร่วมกับ สาธุชน   สร้างเมื่อ พ.ศ. 2472 
เนื่องจากเจดีย์ใหญ่หน้าพระอุโบสถวัดดีหลวง  ที่สมเด็จหลวงพ่อทวดท่านสร้างไว้ได้ถึงกาลเวลาย่อยเป็นอิฐกองอยู่หน้าอุโบสถวัดดีหลวง  หลวงพ่อแก้ว  จึงบูรณะขึ้นใหม่  โดยใช้อิฐเดิม
สร้างเจดีย์ขึ้นทั้ง 8 ทิศ  รอบพระอุโบสถและสร้างเจดีย์ 3 ยอด ขึ้นพร้อมกันในปีนั้น

ขอบคุณภาพจากhttp://www.thaitravelism.com

โบสถ์ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนประดับช่อฟ้า ใบระกา มีความพิเศษที่หน้าบัน หน้าบันด้านหน้ามีลายปูนปั้นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ จำหลักลายกระหนกและนางฟ้าร่ายรำอย่างสวยงาม ส่วนหน้าบันด้านหลังเป็นลายปูนปั้นรูปพระพุทธรูปปางห้ามญาติ มีสาวกขนาบข้างทั้งซ้ายขวา ภายในโบสถ์มีพระประธานปูนปั้นนูนสูงปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ในซุ้มปูนปั้นโค้งแหลม พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยมพระศกละเอียด มีไรพระศกเป็นแผ่นหนา พระขนงจดกันเป็นปีกกาล่ำสันแข็งกระด้าง นักโบราณคดีกำหนดว่ามีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ในหนังสือกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง สมัยพระเอกาทศรถระบุว่า ท้าวราชกฤษณา ภรรยาออกยาราม (ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่าเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช) เป็นผู้สร้างวิหารและพระพุทธรูปองค์นี้

ขอบคุณภาพจากhttp://www.thaitravelism.com


ศาลาโรงศพ เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สวยงาม มีคุณค่า สร้างขึ้นเนื่องในงานพิธีศพของเจ้าอธิการแก้ว พุทธมณีอดีตเจ้าอาวาสวัดดีหลวง เมื่อปี พ.ศ.2485 เป็นศาลาไม้ทรงโถงหลังคาซ้อนเป็นชั้น หน้าบันประดับลายปูนปั้นอย่างสวยงาม มีทั้งลายรูปโกศใส่ศพ มีพระภิกษุนั่งประนมมืออยู่ทั้งสองข้าง หน้าบันบางแห่งเป็นลายปูนปั้นรูปฤาษีและพระพิฆเนศ




เดินทางอย่างไร :

หากนำรถส่วนตัวไป ให้เริ่มจาก อ.สทิงพระ ใช้ทางหลวงหมายเลข 408 ไปทาง อ.ระโนด 
ตรงไป เมื่อผ่านบ้านพังไทรไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดอยู่ทางซ้ายมือ 
(หากมาจากทางวัดสีหยังวัดจะอยู่ทางขวามือ)

แผนที่ : https://goo.gl/maps/nAkXZQp9KRr


 

 

13/3/60

เที่ยวเจดีย์ "องค์ดำและองค์ขาว"

เจดีย์สองพี่น้อง องค์ดำและ องค์ขาว





ที่ตั้งกลุ่มบ้าน เป็นที่ราบสูงเลียบทะเลสาบ ประชาชนสร้างบ้านเรือนบนเนินเขา สถานที่ชาวบ้านเรียกว่า หน้าเขา สมัยก่อนเรียกสถานที่นี้ว่า เมืองสิงขร เป็นเมืองเก่า และภูเขาเหล่านี้ เมื่อมองระยะห่างจากที่อื่น จะเห็นดินสีแดง ทุกคนจะเรียกภูเขาบริเวณนี้ว่าหัวเขาแดงและในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตำบล หัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

ประชาชนของที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ตั้งบ้านเรือนเป็นกลุ่มหนาแน่น ประกอบอาชีพประมง เนื่องจากอาณาเขตทั้ง 3 ด้าน คือทิศใต้ ตะวันออก และตะวันตก ที่โอบล้อม หัวเขาแดง ไว้คือทะเลสาบสงขลาและอ่าวไทย ความสมบูรณ์ของ 2 ทะเลจึงเป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชาว หัวเขาแดง ไว้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน



สำหรับ เขาแดง เป็นภูเขาขนาดใหญ่มีป้อมปืนอยู่หลายป้อมด้วยกัน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้สังเกตการณ์ข้าศึก มีอย่างกระจัดกระจาย ทั้งบนยอดเขาแดงและพื้นที่รอบๆ โดยเฉพาะบนยอดเขานั้นเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก และใกล้ๆ กับป้อมปืนบนยอดเขาแดงยังมีเจดีย์องค์ดำ และเจดีย์องค์ขาว หรือที่เรียกว่า เจดีย์สองพี่น้องซึ่งที่นี่เป็นจุดหมายที่จะไปเที่ยวกัน








การเดินทางไปเขาแดง

ถ้ามาจากฝั่ง อำเภอเมืองสงขลา ให้ขึ้นแพขนานยนต์มา พอถึงฝั่งเขาแดงแล้วเลี้ยวขวาเดินมาไม่นาน จะพบป้ายและบันไดทางขึ้น ซึ่งค่อนข้างสูงชัน ขึ้นไปสักระยะ จะมีป้ายชี้ไปทางซ้ายมือ เดินไปสักนิดจะพบป้อมปากน้ำสงขลา หมายเลข 8 สภาพป้อมได้รับการบูรณะไว้ จุดนี้จะทำให้มองเห็นฝั่งแหลมสนอ่อน และท่าเทียบเรือสงขลา อย่างชัดเจน 



จากนั้นก็ต้องเดินป่าเข้าไป โดยจะมีทางเล็กๆ บังคับขึ้นไปจนถึงยอดเขาแดง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ร่มครึ้มอยู่ตลอดเส้นทาง ขอแนะนำว่าใครที่จะผจญภัยไปทางนี้ควรฟิตร่างกายให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเป็นลมได้ง่ายๆ หรือถ้าจะไปทางที่สบายกว่านี้ก็ให้ไปขึ้นอีกทาง ถัดจากนี้ไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีบันไดขึ้นไปถึงยอดเขา





 

เจดีย์สองพี่น้อง

เจดีย์สองพี่น้อง องค์ดำและ องค์ขาว





  บนยอดเขาแดงมีเจดีย์ 2 องค์ องค์แรกเป็นเจดีย์องค์พี่ ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 
ก่อด้วยหินฉาบปูน ยอดปรักหักพัง มีสีดำ คนทั่วไปเรียกว่า เจดีย์องค์ดำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2375 
โดยเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์




ส่วนเจดีย์องค์ที่สองเป็นเจดีย์องค์น้อง เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งบนฐานสี่เหลี่ยมเช่นกัน องค์เจดีย์ก่อด้วยอิฐฉาบปูน มีสีขาว คนทั่วไปเรียก เจดีย์องค์ขาว สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ.2382-2484 โดยพระยาศรีพิพัฒน์  รัตนราชโกษา (ทัด บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ ผู้เป็นน้องร่วมมารดากับเจ้าพระยาพระคลังฯ ชาวบ้านเรียกเจดีย์สององค์นี้ว่า เจดีย์สองพี่น้อง ระหว่างองค์เจดีย์ทั้งสองมีศาลาเก๋งจีน ชำรุดเหลือแต่พื้นที่ผนังที่เจาะช่องหน้าต่างเป็นวงกลม ปัจจุบันองค์เจดีย์ทั้งสองได้รับการขุดแต่งบูรณะจากหน่วยศิลปากรที่ 9 สงขลา กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ.2525






ป้อมปราการของเมืองสงขลาในอดีต